พระราชบัญญัติพิกัดอัตราค่าภาคหลวงแร่ พ.ศ. 2509
------------------
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2509
เป็นปีที่ 22 ในรัชกาลปัจจุบัน

          พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า
          โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยพิกัดอัตราค่าภาคหลวงแร่
          จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัตินี้ขึ้นไว้ โดยคำแนะนำและ ยินยอมของสภาร่างรัฐธรรมนูญในฐานะรัฐสภา ดังต่อไปนี้
          มาตรา 1
พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า "พระราชบัญญัติพิกัดอัตราค่าภาคหลวงแร่ พ.ศ. 2509"
           มาตรา 2 พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
           มาตรา 3 ให้ยกเลิก
           (1) พระราชบัญญัติพิกัดอัตราค่าภาคหลวงดีบุก พุทธศักราช 2476
           (2) พระราชบัญญัติพิกัดอัตราค่าภาคหลวงดีบุก (ฉบับที่ 2) พุทธศักราช 2484
           (3) พระราชบัญญัติพิกัดอัตราค่าภาคหลวงดีบุก (ฉบับที่ 3) พุทธศักราช 2484
           (4) พระราชบัญญัติพิกัดอัตราค่าภาคหลวงดีบุก (ฉบับที่ 4) พุทธศักราช 2496
           (5) พระราชบัญญัติพิกัดอัตราค่าภาคหลวงแร่ทังสะเตน พุทธศักราช 2484
           (6) พระราชบัญญัติพิกัดอัตราค่าภาคหลวงแร่ทังสะเตน (ฉบับที่ 2) พุทธศักราช 2500
           บรรดากฎหมาย กฎและข้อบังคับอื่นในส่วนที่มีบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ ใช้พระราชบัญญัตินี้แทน

การเรียกเก็บค่าภาคหลวงแร่ดีบุก
           มาตรา 4 การเรียกเก็บค่าภาคหลวงแร่ดีบุก ให้เรียกเก็บจากราคาโลหะดีบุก ดังนี้
           (1) ถ้าราคาตลาดของโลหะดีบุกในแร่ต่อหกสิบกิโลกรัม เกินกว่าสามพันบาท ให้เรียกเก็บในอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวงซึ่งต้องกำหนด เป็นขั้น ๆ และขั้นสูงสุดต้องไม่เกินกว่า ร้อยละหกสิบของราคาตลาดที่เกินกว่าสามพันบาท
           (2) ถ้าราคาตลาดของโลหะดีบุกในแร่ต่อหกสิบกิโลกรัมไม่เกินสามพันบาท ให้ยกเว้นไม่ต้องเรียกเก็บค่าภาคหลวง

การเรียกเก็บค่าภาคหลวงแร่ชนิดที่มีทังสติกออกไซด์
           มาตรา 5 การเรียกเก็บค่าภาคหลวงแร่ชนิดที่มีทังสติกออกไซด์ ให้เรียกเก็บตาม อัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง แต่ต้องไม่เกินกว่าอัตราร้อยละยี่สิบของราคาตลาด

การเรียกเก็บค่าภาคหลวงแร่อื่นๆ
           มาตรา 6 การเรียกเก็บค่าภาคหลวงแร่อื่นๆ ให้เรียกเก็บตามชนิด สภาพ ร้อยละ ของโลหะหรือของสารประกอบในแร่ หรือลักษณะพิเศษ อย่างใดอย่างหนึ่งตามอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง แต่ต้องไม่เกินกว่าอัตราร้อยละยี่สิบของราคาตลาด

การเก็บค่าภาคหลวงแร่อื่นโดยวิธีประเมินหรือวิธีอื่น
           ในกรณีที่รัฐมนตรีเห็นว่าการเรียกเก็บค่าภาคหลวงแร่สำหรับแร่บางชนิดตามอัตรา ร้อยละของราคาตลาดตามวรรคหนึ่งไม่เหมาะสม
           ให้รัฐมนตรีกำหนดการเรียกเก็บค่าภาคหลวงแร่ โดยวิธีประเมินหรือวิธีอื่น ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และอัตราที่กำหนดใน กฎกระทรวง แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกินกว่าอัตราร้อยละสามสิบของราคาตลาด

หลักเกณฑ์ในการเรียกเก็บค่าภาคหลวงแร่
           มาตรา 7 สภาพ ร้อยละของโลหะหรือของสารประกอบในแร่ หรือลักษณะพิเศษ อย่างใดอย่างหนึ่งของแร่แต่ละชนิด ที่ใช้เป็นเกณฑ์ในการ เรียกเก็บค่าภาคหลวงแร่ วิธีการกำหนดราคาตลาด การใช้อัตราแลกเปลี่ยนเงินในการคำนวณราคาตลาด และวิธีการคำนวณราคาตลาด และวิธีการควบคุมการชำระค่าภาคหลวงแร่ ให้กำหนดโดยกฎกระทรวง

ประกาศราคาตลาดของแร่แต่ละชนิด
           มาตรา 8 ภายใต้บังคับมาตรา 6 วรรคสอง ให้อธิบดีกรมทรัพยากรธรณีประกาศ ราคาตลาดของแร่แต่ละชนิดเป็นครั้งคราวตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง

รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
           มาตรา 9 ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติรักษาการตาม พระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ และออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้ กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้

ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
   จอมพล ถนอม กิตติขจร
      นายกรัฐมนตรี