Mineral Import of Thailand 2016 - 2017 
 กลุ่มสถิติและพัฒนาข้อมูล 
 ศสท 

 ไฟล์>> Click ที่นี่
 สถิติการนำเข้าแร่ของประเทศไทย ปี 2559-2560 
การนำเข้าแร่ในช่วงปี 2560 มีมูลค่าการนำเข้า 66,110.1 ล้านบาท ขยายตัวเพ่ิ่มขึ้นร้อยละ 14.23 เมื่อเทียบกับปีก่อนในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งมีมูลค่าการนำเข้า 57,874.3 ล้านบาท

กลุ่มแร่เชื้อเพลิงเป็นกลุ่มแร่ที่มีมูลค่าการนำเข้าสูงสูดต่อเนื่องมาโดยตลอดซึ่งเป็นกลุ่มทรัพยากรแร่ที่เป็นวัตถุดิบเพื่อผลิตพลังงานที่จำเป็นต่อการผลิตไฟฟ้าและภาคอุตสาหกรรม ซึ่งมีมูลค่าการนำเข้าสูงถึง 50,096.4 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากถึงร้อยละ 75.78 จากมูลค่าการนำเข้าแร่ทั้งหมด ถ่านหินบิทูมินัสและถ่านหินชนิดอื่นๆ ยังคงมีมูลค่าการนำเข้าอยู่ในอันดับสูงสุด โดยถ่านหินบิทูมินัสมีมลูค่าการนำเข้า 25,517.0 ล้านบาท ซึ่งประเทศเทศที่ไทยนำเข้ามากที่สุดได้แก่ อินโดนีเซีย 5,098.2 ล้านต้น และออสเตรเลีย 3,752.8 ล้านตัน และถ่านหินชนิดอื่นๆ มีมูลค่าการนำเข้า 23,170.2 ล้านบาท ซึ่งนำเข้าจากประเทศอินโดนีเซียมากที่สุดถึงจำนวน 11,035.5 ล้านตัน

กลุ่มแร่โลหะพื้นฐานมีสัดส่วนการนำเข้ารองลงมา ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 6.92 ของมูลค่าการนำเข้าแร่ทั้งหมด ซึ่งมีมูลค่ารวม 4,576.8 ล้านบาท แร่ที่มีการนำเข้าสูงสุดในกลุ่มนี้ ได้แก่ แร่ดีบุก มีมูลค่าการนำเข้า 4,237.0 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราเพ่ิมขึ้นถึงร้อยละ 54.73 ซึ่งส่วนใหญ่นำเข้าจากประเทศออสเตรเลีย สาธารณรัฐคองโก และ สาธารณรัฐรวันดา เป็นจำนวน 3.36, 3.41 และ 3.26 ล้านตัน ตามลำดับ เนื่องจากประเทศไทยมีผลผลิดแร่ในจำนวนไม่มากนัก ในขณะที่ความต้องการภายในประเทศที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น เพื่อตอบสนองต่ออุตสาหกรรมผลิตเหล็กแผ่นเคลือบดีบุก อุตสาหกรรมพิวเตอร์ที่ใช้ผลิตเครื่องใช้และอุปกรณ์ประดับตกแต่ง เป็นต้น จึงจำเป็นต้องมีการนำเข้าแร่จากต่างประเทศเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการบริโภคภายในประเทศ

แร่ทัลค์ มีมูลค่าการนำเข้า 1,634.2 ล้านบาท ป่นเป็นผงเพื่อใช้ทำสี เครื่องปั้นดินเผา ใช้ในอุตสาหกรรมกระดาษ ใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง เป็นต้น ซึ่งนำเข้าจากประเทศจีนและอินเดียเป็นหลัก จำนวน 92.0 และ 33.8 ล้านตัน ตามลำดับ

และแร่ไนโอเบียมและวาเนเดียมซึ่งใช้ในการทำโลหะผสม จัดอยู่ในกลุ่มแร่หายากและมีการนำเข้าอยู่ในอันดับต้นๆ เช่นกัน มีมูลค่าการนำเข้าอยู่ที่ 1,137.3 ล้านบาท ไทยนำเข้าจากออสเตรเลียเป็นจำนวน 6.1 ล้านตัน

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) คาดการณ์ทางเศรษฐกิจปี 2561 โดยมองว่า GDP น่าจะขยายตัวที่ 3.8% จึงมีแนวโน้มที่จะผลักดันส่งเสริมให้มีการส่งออกและการลงทุนภาครัฐ ซึ่งมีความจำเป็นที่จะต้องจัดหาวัถตุดิบจากต่างประเทศในส่วนที่ไทยมีไม่เพียงพอหรือคุณภาพที่ดีเพื่อให้เพียงพอต่อการพ่ิมมูลค่าทางการผลิตและความต้องการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งคาดการณ์แนวโน้มการนำเข้าในปี 2561 อาจมีมูลค่าอยู่ที่ 68,500 ล้านบาท เนื่องจากความต้องการทรัพยากรแร่ถ่านหินเป็นวัตถุดิบในด้านพลังงานอาจมีแนวโน้มสูงขึ้นตามการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ กอปรไทยพยายามผลักดันให้มีการสนับสนุนส่งเสริมและเพ่ิมนวัตกรรมวัตถุดิบทรัพยากรแร่ภายในประเทศให้เพิ่มมากขึ้น จึงส่งผลให้แนวโน้มการนำเข้าถานหินในปี 2561 อาจเพ่ิมสูงขึ้นซึ่งประมาณการอยู่ที่ 24,7 ล้านตัน จึงอาจส่งผลกระทบต่อแนวโน้มการนำเข้าแร่ได้

...................................................................................................................................................................................... จัดทำโดย : ยุพิน พินิจศักดิ์