 |
การนำเข้าแร่ในช่วงปี 2562 ในช่วงครึ่งปีแรกมีมูลค่าการนำเข้า 34,274.4 ล้านบาท ลดลงคิดเป็นร้อยละ 2.85 เมื่อเทียบกับปีก่อนในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งมีมูลค่าการนำเข้า 35,278.2 ล้านบาท
โดยกลุ่มแร่เชื้อเพลิง (Mineral Fuels and Energy) ยังคงเป็นกลุ่มแร่หลักที่มีการนำเข้ามากที่สุดและต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นวัตถุดิบที่สำคัญในการผลิตพลังงานที่จำเป็นต่อการผลิตไฟฟ้าและพลังงานในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งมีมูลค่าการนำเข้าสูงถึง 25,125.6 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 73.31 จากมูลค่าการนำเข้าแร่รวมทั้งหมด มีมูลค่าลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปีก่อนในช่วงเวลาเดียวกันซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 74.81 โดยถ่านหินชนิดอื่นๆ (Coal Solid Fuels from Coal) และถ่านหินบิทูมินัส (Bituminous coal) ยังคงมีมูลค่าการนำเข้าอยู่ในอันดับสูงสุด มีมูลค่าการนำเข้า 13,147.8 และ 11,208.8 ล้านบาท ตามลำดับ
รองลงมาได้แก่ กลุ่มแร่ในอุตสาหกรรมอื่นๆ (Other Industrial Minerals) มีสัดส่วนการนำเข้าร้อยละ 6.16 ของมูลค่าการนำเข้าแร่รวมทั้งหมด มีมูลค่ารวม 2,112.7 ล้านบาท แร่ที่มีการนำเข้าสูงสุดในกลุ่มนี้ ได้แก่ แร่ทัลค์ (Talc) มีมูลค่าการนำเข้า 931.3 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.20
ในขณะที่ กลุ่มแร่โลหะพื้นฐาน (Base Metals) ซึ่งเคยเป็นกลุ่มที่มีอันดับสูงสุดรองลงมาในครึ่งปีแรกของปี 2561 เคยมีสัดส่วนการนำเข้าร้อยละ 6.91 มูลค่ารวม 2,433.4 ล้านบาท กลับลดลงมาในปี 2562 โดยมีสัดส่วนการนำเข้าเหลืองร้อยละ 6.12 มูลค่ารวม 2,096.3 ล้านบาท มีสัดส่วนลดลงร้อยละ 11.46 ซึ่งแร่ทองแดง (Copper) มีมูลค่าการนำเข้าลดลงถึงร้อยละ 87.83 และแร่สังกะสี (Zinc ore) แทบไม่เหลือการนำเข้าเลย คือลดลงมากว่าร้อยละ 99
สำหรับแร่โมลิบดิไนต์ (Molybdenite ore) และ ไนโอเบียมและวาเนเดียม (Niobium and Vanadium ore) มีมูลค่าการนำเข้าอยู่ในลำดับต้นๆ และใกล้เคียงกันเมื่อเทียบกับปีก่อนในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งอยู่ที่ 1,188.5 และ 880.7 ล้านบาท ตามลำดับ |
|
|
