Mineral Import of Thailand 2023 - 2024 สถิติการนำเข้าแร่ของประเทศไทย ปี 2566 - 2567   กลุ่มสถิติและพัฒนาข้อมูล   ศสท.

 ไฟล์>> Click ที่นี่

	สถิติการนำเข้าแร่ของประเทศไทย ปี 2566 – 2567  สถานการณ์การนำเข้าแร่ของปี 2567 มีมูลค่าการนำเข้ารวม 89,595.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ไม่มากนัก เพียงร้อยละ 0.24 ซึ่งมีมูลค่าการส่งออกที่ 89,378.0 ล้านบาท โดยกลุ่มแร่เชื้อเพลิง (Mineral Fuels and Energy) ยังคงเป็นกลุ่มแร่หลักที่มีการนำเข้ามากที่สุดและมีความต้องการใช้งานต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นวัตถุดิบที่สำคัญในการผลิตพลังงานที่จำเป็นต่อการผลิตไฟฟ้าและพลังงานในภาคอุตสาหกรรม มีมูลค่าการนำเข้าในปี 2567 อยู่ที่ 58,535 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 65.33 จากสัดส่วนมูลค่าการนำเข้าแร่ทั้งหมด ซึ่งลดลงจากปี 2566 ร้อยละ 4.53 จากที่มีมูลค่าการนำเข้า 61,312.6 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 68.60 โดยถ่านหินชนิดอื่น ๆ (Coal Solid Fuels from Coal) และถ่านหินบิทูมินัส (Bituminous coal) ยังคงมีมูลค่าการนำเข้าอยู่ในอันดับสูงสุด อยู่ที่ 31,171.6 ล้านบาท และ 26,369.1 ล้านบาท ตามลำดับ รองลงมาได้แก่ กลุ่มแร่โลหะพื้นฐาน (Base Metals) มีมูลค่าการนำเข้าแร่รวมทั้งหมด รวม 10,576.1 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11.80 จากสัดส่วนการนำเข้าแร่ทั้งหมด เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ถึงร้อยละ 90.90 ซึ่งมีมูลค่ารวม 5,540.2 ล้านบาท และสัดส่วนมูลค่าการนำเข้าร้อยละ 6.20 สัดส่วนมูลค่าเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 90.43 โดยแร่ที่มีการนำเข้าสูงสุดในกลุ่มนี้ ได้แก่ แร่ดีบุก (Tin ore) มีมูลค่าการนำเข้า 7,260.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่มูลค่า 5,169.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 40.44 ซึ่งมีคุณสมบัติต้านทานการกัดกร่อนของกรดและสารละลายอื่น ๆ ได้และไม่เป็นสนิม ไม่เป็นพิษต่อร่างกายจึงใช้ทำภาชนะบรรจุอาหารและอื่น ๆ จึงนำมาใช้ทำตะกั่วบัดกรี การเคลือบภาชนะในอุตสาหกรรมอาหารกระป๋อง อุตสาหกรรมไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ การผลิตแก้วเนื้อทึบ เครื่องปั้นดินเผา เครื่องถ้วยชาม และเครื่องเคลือบ เป็นต้น ในส่วนของ กลุ่มแร่โลหะและโลหะผสมอื่น ๆ (Iron and Ferro Alloy) มีสัดส่วนการนำเข้าร้อยละ 8.55 ของมูลค่าการนำเข้าแร่รวมทั้งหมด รวม 7,657.9 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 ซึ่งมีสัดส่วนการนำเข้าร้อยละ 9.16 มูลค่ารวม 8,430.1 ล้านบาท มูลค่าและสัดส่วนลดลงร้อยละ 9.16 และ 9.38 ตามลำดับ แร่ที่มีการนำเข้าสูงสุดในกลุ่มนี้ ได้แก่ แร่โมลิบดีไนต์ (Molybdenite ore) มีมูลค่าการนำเข้า 7,466.1 ล้านบาท ซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมผลิตเหล็กกล้า เหล็กปลอดสนิม (stainless steel) เครื่องมือจากเหล็กกล้า ช่วยเพิ่มคุณสมบัติของโลหะให้แข็งแกร่งขึ้น ต่อต้านการผุกร่อนและการขึ้นสนิม และช่วยทำให้การหล่อทำได้ง่ายขึ้น เป็นต้น ในส่วนของ กลุ่มแร่อุตสาหกรรมเซรามิก (Ceramic Industrial Minerals) มีสัดส่วนการนำเข้าร้อยละ 5.93 ของมูลค่าการนำเข้าแร่รวมทั้งหมด รวม 5,316.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ซึ่งมีสัดส่วนการนำเข้าร้อยละ 5.25 มูลค่ารวม 4,689.0 ล้านบาท มูลค่าและสัดส่วนเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.39 และ 13.12 ตามลำดับ โดยแร่ที่มีการนำเข้าสูงสุดในกลุ่มนี้ ได้แก่ แร่ควอตซ์ (Quartz) มูลค่าการนำเข้า 3,185.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่มูลค่า 2,063.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 54.38 ซึ่งนำไปใช้ประโยชน์ในทำเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ เช่น เลนส์ ปริซึม เครื่องมือในกล้องจุลทรรศน์ รวมถึงอุตสาหกรรมนาฬิกา อุตสาหกรรรมเคลือบผิวกระเบื้อง อุตสาหกรรมทำแก้วและกระดาษทราย เป็นต้น