Conventional Blast Furnace เป็นกระบวนการดั้งเดิมและมีการใช้งานมากที่สุด อีกทั้งเป็นกระบวนการผลิต ที่ได้มาตรฐาน และมีประสิทธิภาพการผลิตสูง ใช้เงินลงทุนสูงเนื่องจากมีอุปกรณ์ต่าง ๆ มากมาย ได้แก่ เตาพ่นลม (blast furnace) เตาย่างแร่ผสม (sintering plant) เตาเผาถ่านโค๊ก (coke oven) เป็นต้น ดังนั้นเพื่อให้คุ้มกับการลงทุน เตาแบบนี้จึงต้องมีขนาดใหญ่สามารถผลิตเหล็กหลอมเหลวได้ปริมาณมาก กระบวนการนี้จึงเหมาะกับปริมาณการผลิตขนาดใหญ่ อีกทั้งมีข้อจำกัดในเรื่องของความต้องการ วัตถุดิบที่มีความแข็งแรงสูง เช่น แร่เหล็กต้องอยู่ในรูปแร่เหล็กอัดก้อน (pellet) หรือ sinter ซึ่งมีความแข็งแรง หรือถ่านหินต้องใช้ถ่านโค๊กซึ่งมีความแข็งแรงไม่แตกร่วนง่าย

นอกจากนี้ยังมีกลุ่มของ Compact Blast Furnaceและ Mini Blast Furnace ซึ่งขนาดของเตาเล็กกว่า และความสูงของเตาน้อยกว่าแบบ Conventional Blast Furnace อีกทั้งกระบวนการไม่ สลับซับซ้อนมากนัก แร่เหล็กที่ใช้ไม่จำเป็นต้องแข็งแรงมาก และสามารถใช้ถ่านโค๊กคุณภาพปานกลางได้เงินลงทุนลดลงเนื่องจากไม่มีเตาผลิตถ่านโค๊ก และ sinter plant ข้อสังเกตอีกประการหนึ่ง คือ ข้อจำกัดของ Mini Blast Furnace มีอัตราการใช้ถ่านโค๊กสูงกว่า Conventional Blast Furnace และ Compact Blast Furnace ปัจจุบันมีการใช้งานอยู่ที่ประเทศจีนและอินเดีย

เนื่องจากโรงงาน Blast Furnace เป็นโรงงานที่ต้องการการลงทุนสูงมาก และมีปัญหาด้านมลภาวะจากเตาผลิตถ่านโค๊ก อีกทั้งถ่านโค๊กยังหาได้ยาก และมีราคาแพง จึงได้มีการพัฒนาโดยมุ่งผลิตเหล็กจากแร่เหล็กโดยตรง ไม่ต้องผ่านกระบวนการเตรียมแร่และหาสารถลุงที่ไม่ใช่ถ่านโค๊ก เช่น ถ่านหินชนิด non coking coal หรืออาจใช้แก๊สธรรมชาติ รวมทั้งเป็นกระบวนการผลิตที่มีกำลัง การผลิตขนาดเล็ก การลงทุน